1.สับประรด
ชื่อวิทยาศาสตร์
Ananas comosus (Linn) Merr. วงศ์ Bromeliaceae
ชื่อสามัญ Pineapple (อังกฤษ), สัปปะรด (ภาคกลาง), มะขะนัด (ภาคเหนือ), หมากนัด (ภาคอีสาน), ยานัด (ภาคใต้)
สับประรด เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต้ ปัจจุบันปลูกทั่วไปในประเทศอบอุ่น เป็นพืชที่ใช้หน่อปลูก ใบยาวเรียวมีหนาม 2 ข้างขอบใบ มีผลขึ้นกลางต้น มีตารอบๆ ผลชอบดินทรายอากาศแห้ง สับปะรดมีหลายสายพันธุ์
ประโยชน์ทางอาหาร
ผลสุกเหลืองมีรสเปรี้ยว ใช้ประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น สับเนื้อของผลใส่ขนมจีนชาวน้ำ ผัดกับเนื้อหมู ต้มหมู แกงส้ม แกงคั่วๆ ฯลฯ
ผลสุกหวาน รับประทานเป็นผลไม้
น้ำคั้นจากเนื้อในผล มีวิตามินซีสูง ปรุงเป็นเครื่องดื่ม ทำไวน์ (สุราผลไม้) ทำน้ำส้มสายชู แช่อิ่ม กวน เป็นต้น
น้ำย่อยในผลสับปะรด มีอำนาจในการย่อยเนื้อบางชนิดนิยมรับประทานเนื้อย่างกับสับปะรด (บาบิคิว) ทั้งนี้ เพื่อให้น้ำย่อยในผลสับปะรดช่วยย่อยเนื้อ เมื่อรับประทานแล้ว จะไม่รู้สึกแน่น หรืออึดอัดท้อง
ประโยชน์ทางยา
ราก หรือ เง่า ที่อยู่ใต้ดิน รสหวานเย็น ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา แก้นิ่ว แก้หนองใส แก้มุตกิระดูขาว
น้ำหมักเปลือกสับปะรด ใช้แช่กัดโลหิตให้สะอาดดี
2.สมอไทย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Jerminalia chebula, Retx.วงศ์ Combretaceae
ชื่อสามัญ Chebulic Myrobalans (อังกฤษ), สมอไทย(ภาคกลาง), หมากส้มมอ (ภาคอีสาน)
สมอไทยเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ พบอยู่ทั่วไปในเขตร้อน ใบโตรสฝาด ดอกเล็กเป็นช่อสีเหลืองมีกลิ่นหอม ผลกลมรูปไข่มีเหลี่ยมน้อยๆ สีเหลืองเมล็ดเดี่ยวและแข็ง
ประโยชน์ทางอาหาร
ผลแก่รับประทาน พอทุเลาความหิวโหย แก้กระหารน้ำ
ประโยชน์ทางยา
ผล ต้มใสเกลือเล็กน้อย รับประทานเป็นยาระบายอ่อนๆ ใช้เป็นยาระบายท้องสำหรับคนที่เป็นอหิวา หรือท้องร่วงอย่างรุนแรง แก้พิษร้อนภายใน แก้กระหายน้ำได้ดี
ผลสมอ เป็นยาระบายที่รูบิด และคุมธาตุในตัวเอง ผลสมอเป็นยาวิเศษมาตั้งแต่พุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้สงฆ์สาวกฉันสมอไทยดองแช่น้ำมูตรโค หรือมูตรตนเอง (น้ำมูตร = ปัสสาวะ) เป็นยาแก้ปวดตามข้อและกระดูก ทำให้แข็งแรง แก้อ่อนเพลียได้ดี ผลสมอรับประทานแก้ลมจุกเสียด
ผลอ่อน มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ผลแก่มีฤทธิ์เป็นยาฝาดสมาน รับประทานเนื้อในผลสมอ หนัก 3 กรัม เป็นยาระบาย
นอกจากนี้ ยังทำเป็นยาชง ใช้อมกลั้วคอแก้เจ็บคอ
3.มะละกอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Carica papaya, Linn.วงศ์ Carciaceae
ชื่อสามัญ Papaya, Melon Tree (อังกฤษ), มะละกอ(ภาคกลาง), มะก๊วยเด้ด (ภาคเหนือ), หมากหุ่ง(ภาคอีสาน)
มะละกอ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีเนื้อไม้อ่อน ไม่มีแก่น โค่นล้มได้ง่าย ใบโตเป็นจักเว้าลึก ก้านกลมยาวและกลวง มีก้านและใบดกตอนยอด เป็นพืชที่มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่ต่างต้นกัน ผลเกิดที่ยอดของลำต้น ถัดจากใบลงมา ผลมะละกอมีขนาดและรูปร่างตางกัน แล้วแต่พันธุ์ ดิน ฤดูกาลและอากาศ รูปร่างของผลมีตั้งแต่กลมไปจนถึงรูปทรงกระบอก ผลดิบมีสีเขียว ผลแก่จะมีจุดสีส้มบนผล และถ้าสุกเต็มที่จะมีสีส้มทั้งผล เนื้อในขณะดิบจะมีสีขาว เมื่อสุกจะมีสีส้ม มะละกอมีหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์โกโก้ ฮาวาย สายน้ำผึ้ง แขกดำ เป็นต้น
ประโยชน์ทางอาหาร
ผลมะละกอดิบใช้ประกอบอาหารเช่นผักอื่น เป็นต้นว่า ต้มจิ่มน้ำพริก แกงส้ม ส้มตำ สับฝอยเป็นเหมือดขนมจีนน้ำพริก เป็นต้น
ผลสุกรับประทานเป็นผลไม้ ซึ่งอุดมด้วยธาตุเหล็ก แคลเซี่ยม วิตามินเอ บี และซี
ประโยชน์ทางยา
ผลมะละกอสุกเป็นยาบำรุงธาตุ แก้ธาตุไม่ปกติ แก้กระเพาะอาหารอักเสบ ช่วยในการย่อยอาหาร และระบายท้อง
เมล็ด ใช้แก้อาการกระหายน้ำและขับพยาธิได้
ใบแก่ มีสารที่มีฤทธิ์เป็นยาบำรุงหัวใจ
รากและก้าน รสเอียนเย็น ถอนต้นขนาดย่อมๆ (ใช้ทั้งต้น) มัด 3 เปลาะ ต้มรับประทานไปจนจืด แก้มุตกิดระดูขาวได้ดี
รากอ่อน รสเอียนเย็น บำรุงน้ำนม ขับปัสสาวะ
4.มะนาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus aurantifolia, Swingleวงศ์ Rutaceae
ชื่อสามัญ มะนาว
มะนาวเป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดย่อม คล้ายมะกรูด ผลกลมเกลี้ยง ขนาดเล็กกว่าผลมะกรูด น้ำในผลสดเปรี้ยวจัด
ประโยชน์ทางอาหาร
น้ำมะนาวมีวิตามินซีสูง ใช้ประกอบอาหารไทยหลายชนิด ที่ต้องการรสเปรี้ยว เช่น น้ำพริกจิ้ม พล่า ยำ ต้มยำ ต้มโคร่ง ต้มส้ม ลาบ ก้อย เป็นต้น
น้ำมะนาวผสมน้ำตาลทราย เหยาะเกลือเล็กน้อย เติมน้ำแข็งใช้เป็นเครื่องดื่ม
ประโยชน์ทางยา
ใบ ใช้ ต้มเป็นยาฟอกโลหิตระดู
เมล็ด คั่วไฟให้เหลือผสมเป็นยาขับเสมหะ แก้โรคทรางของเด็ก
ราก ใช้เป็นยาถอนพิษไข้กลับหรือใช้ไข้ช้ำ ฝนกับสุราทาฝี แก้ปวดได้ดี
น้ำมะนาว มีวิตามินซี รับประทานแก้เลือดออกตามไรฟัน ปรุงเป็นยากัดเสมหะ แก้ไอ เจ็บคอ ใช้ยาหอม 2 เม็ด ละลายน้ำมะนาวใส่เกลือเล็กน้อยบดให้ละเอียดเข้ากัน ใช้นิ้วป้ายยากวาดในลำคอ โคนลิ้น อาการเจ็บคอจะทุเลาเบาบาง
5.มะขามไทย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tamarindus indica Linn.วงศ์ Caesalpiniaceae
ชื่อสามัญ Tamavind, Sampalok (อังกฤษ) , มะขาม ,มะขามไทย (ไทย)
มะขามเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ใบประกอบด้วยใบย่อยหลายใบ จัดเรียงลักษณะคล้ายขนนก ใบย่อยรูปไข่มน กรีบดอกสีเหลือง กิ่งก้านสาขาแตกออกไปเป็นร่มได้ดี เปลือกต้นขรุขระ เนื้อใบขาวและเหนียว ฝักค่อนข้างแบนโค้งงอ ยาวประมาณ 1 คืบ
ประโยชน์ทางอาหาร
ฝักมะขามอ่อน ใช้ต้มน้ำพริกมะขาม ฝักแก่เกาะเปลือกดองเป็นสิ่งขบเคี้ยว มะขามเปียกใส่เป็นรสเปรี้ยวในอาหาร
ใบอ่อนใส่แกงส้ม ต้มปลา
ประโยชน์ทางยา
ใบ รสเปรี้ยวฝาด ปรุงเป็นยาขับเสมหะในลำไส้ แก้บิด แก้ไอ ต้มน้ำรวมกับหัวหอม โกรกศีรษะเด็กเวลาเช้ามืดแก้หวัดคัดจมูก
เนื้อมะขามเปียก รสเปรี้ยวจัด ขับฟอกโลหิต สตรีที่คลอดบุตรใหม่ๆ แก้สันนิบาตหน้าเพลิง เป็นยาระบายอ่อนๆ
เปลือกต้น รสฝาด ต้มกับน้ำ นำน้ำที่ต้มมาใช้เป็นยาชะล้างแผลให้สมานได้ดี เช่นเดียวกับ ด่างทับทิม
แก่น รสฝาดเปรี้ยว กล่อมเสมหะและโลหิต
น้ำมะขามเปียก ใส่เกลือเล็กน้อยรับประทานเป็นยาระบายอย่างดี
เปลือกฝัก รสฝาด กะเทาะเปลือกฝักมะขามแช่น้ำร้อน ใช้ชะล้างบาดแผลสด และแผลเรื้อรัง
เนื้อเมล็ด คั่วให้เกรียม แล้วนำไปแช่น้ำจนพอง ให้เด็กรับประทานเป็นยาขับพยาธิ
6.มะขามเทศ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pithecellobium dulce, Benthวงศ์ Leguminosae
ชื่อสามัญ มะขามเทศ
มะขามเทศ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ใบค่อนข้างกลม สีเขียวสองใบติดกันเป็นใบรวม ดอกเล็กๆ มีสีขาวออกเขียว ฝักเหมือนฝักถั่วบิดงอ เมล็ดฝักอยู่ในเนื้อที่พองโตเป็นเปลาะๆ ฝักขณะยังอ่อนเป็นสีขาว พอแก่จัดเปลี่ยนเป็นสีแดงปนเขียว ฝักเมื่อสุกเต็มที่จะแตกอ้า เห็นเนื้อในสีขาว และเมล็ดกลมแบนสีดำ
ประโยชน์ทางอาหาร
เนื้อจากฝักที่สุกแก่จัดมีรสหวาน รับประทานเป็นผลไม้
ประโยชน์ทางยา
เปลือกต้น มีรสฝาด ต้มเอาน้ำฝาดชะล้างบาดแผล รับประทานเป็นยาคุมแก้ท้องร่วง เป็นยาสมานลำไส้
7.มะยม
ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus distichus. Muall. Avg.วงศ์ Euphorbiaceae
ชื่อสามัญ มะยม
มะยม เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดย่อม ถึงขนาดกลาง ใบเป็นใบรวมแบบขนนก ใบย่อยเกิดบนก้านเรียวยาวประมาณ 50 ซ.ม. ช่อใบเหล่านี้จะชุมนุมมาก บริเวณยอดของต้น ดอกออกตามต้นหรือกิ่ง ดอกเล็กๆเป็นกระจุก เมื่อติดผลมักจะติดเป็นพวง ผลกลมแบนเป็นเฟืองมนๆ (เป็นพูตื้นๆ) มีรสฝาดเปรี้ยว
ต้นที่มีผลเรียก “มะยมตัวเมีย” ต้นที่ออกดอกเต็มต้นแล้วร่วงหล่นไปไม่ติดผลเรียก “มะยมตัวผู้”
ประโยชน์ทางอาหาร
ใบอ่อนรับประทานเป็นผักสด เช่น รับประทานกับส้มตำ หรือปรุงเป็นแกงเลียง
ผล มีวิตามินซีสูง นิยมดองเกลือ คลุกกับน้ำตาล เกลือ และพริกขี้หนู รับประทานเป็นของคบเคี้ยว เด็กและสตรีวัยรุ่นชอบมาก
ประโยชน์ทางยา
ราก มะยมตัวผู้รสจืดเย็น ปรุงยาแก้โรคผิวหนัง แก้โรคประดง (เป็นเม็ดผื่นคัน) ทำให้น้ำเหลืองแห้ง
ใบ มะยมตัวผู้ ปรุงเป็นยาเขียวรับประทาน หมากเมีย ต้มเอาน้ำอาบ แก้พิษคัน ออกหัด ดำแดง สุกใส ฝีดาษ ลดความร้อนในร่างกาย
8.ฝรั่ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Psidiun guajava, Linn.วงศ์ Myrstaceae
ชื่อสามัญ Guava (อักกฤษ), ฝรั่ง (ภาคกลาง), มะก๊วย (ภาคเหนือ), หมากสีดา (ภาคอีสาน)
ฝรั่ง เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดย่อม เป็นไม้พื้นเมืองแถบอเมริกาเขตร้อน กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ใบออกตรงกันข้าม มีขนเล็กน้อย ดอกมีสีขาว ในหนึ่งช่อดอกมีดอกย่อยประมาณ 3 ดอก กลีบเลี้ยงมีความคงทน และจะติดอยู่ที่ผล ผลหนาอ่อนมีสีเขียวแก่ ครั้งเมื่อผลแก่สุกสีจะอ่อนลง เป็นสีเขียวอ่อนปนเหลือง ผลสุกมีสีเหลือง ภายในผลมีเมล็ดกลมแข็งเป็นจำนวนมาก พบเห็นทั่วไปในประเทศไทยที่มีอากาศร้อน ที่ปลูกในเมืองไทยมีหลายชนิด
-ฝรั่งขี้นก ผลกลมเล็ก เนื้อกรอบไส้แดง
-ฝรั่งจีน ผลโตค่อนข้างกลม ผิวเรียบเนื้อกรอบ มีเมล็ดมาก
-ฝรั่งอินเดีย มีทั้งผลค่อนข้างโต ผิวขรุขระ เนื้อหวานกรอบ เมล็ดน้อย และชนิดผลกลมเล็ก ผิวเรียบ เนื้อกรอบ เมล็ดมาก (พันธ์ค่อม)
-ฝรั่งเวียดนาม ผลโตมาก มีหลายพันธ์ นิยมปลูกมากในปัจจุบัน
ประโยชน์ทางอาหาร
ผลสุก รับประทานเป็นผลไม้จิ่มน้ำพริกกะเกลือ ให้วิตามินซี และเยื่อใยสูง
ประโยชน์ทางยา
ราก เข้ายาแก้น้ำเหลืองเสีย ทำให้น้ำเหลืองแห้ง
ใบ ต้มรับประทานแก้ท้องร่วง ปวดท้อง ท้องเสีย (ใช้เจ็ดยอดต้มกับน้ำ 2 ชาม เคี่ยวให้งวดเหลือ 1 ชาม) น้ำที่ต้มใช้ชะล้างบาดแผล เคี้ยวใบดับกลิ่นปาก
ใบหล่น ปิ้งไฟจนเหลืองกรอบ ต้มรับประทานแก้ท้องร่วง แก้บิด
ผลสุก วางบนหลังหีบศพ ดูดกลิ่นเหม็นได้ดี
ฝรั่งทั้งห้า รสฝาดเย็น ใช้ภายนอกดูดกลิ่นเหม็น ดูดน้ำเหลือง น้ำหนอง ถอนพิษบาดแผล
9.น้อยหน่า
ชื่อวิทยาศาสตร์ Anona sguamosa Linn.วงศ์ Anonaceae
ชื่อสามัญ Sugar Apple (อังกฤษ) น้อยหน่า (ภาคกลาง), มะนอแน่ (ภาคเหนือ), บักเขียบ(ภาคอีสาน)
น้อยหน่าเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อม ใบเล็กยาว ปลายใบแหลม ใบหนา ต้นสูงประมาณ 8-10 ฟุต ดอกมีกลีบแข็งอ่อนมีสีเขียว ผลกลมโตเท่าสะท้อน มีตาโปนมองดูขรุขระแก่เต็มที่จะมีสีเขียวปนแดงอ่อนๆ เล็กน้อย ในแต่ละตาของผลจะมีเมล็ดสีดำเป็นมัย 1 เมล็ด เนื้อที่หุ้มเมล็ดมีสีขาว
ประโยชน์ทางอาหาร
เป็นผลไม้ที่มีรสหวานและมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ผลสุกรับประทานเป็นผลไม้
ประโยชน์ทางยา
ใบ มีกลิ่นเหม็นเขียว โขลกกับน้ำมันมะพร้าว ใช้ในการกำจัดเหาได้เช่นเดียวกับเมล็ด
ใบสด โขลกป่นพอกแก้ฟกบวม ฆ่าพยาธิ ผิวหนังกลากเกลื้อน ภายในฆ่าพยาธิในลำไส้
เปลือกต้น มีรสฝาด ปิดธาตุสมานแผล ฝนกับสุราทาแผลแก้พิษงู
ราก รสเฝื่อนเอียน เป็นยาระบาย ถอนพิษเมื่อเมา ทำให้อาเจียน
เมล็ด มีน้ำมันที่มีฤทธิ์ฆ่าเหาได้ โดยใช้เมล็ดตำผสมกับน้ำมะพร้าวชโลมที่ศีรษะทิ้งไว้ราว 1-2 ชั่วโมง จะฆ่าเหาได้ ในการใช้ควรระวังมิให้ถูกนัยน์ตา เปลือกตา ริมฝีปาก และรูจมูก เพระจะทำให้แสบร้อน
เปลือกผลตายพราย (ผลแห้งติดต้น) แก้พิษงู แก้ฝีในลำคอ
10.ทับทิม
ชื่อวิทยาศาสตร์
Punica granatum Linn. วงศ์ Punicaceaeชื่อสามัญ Pomegranate, Pinic Apple
ทับทิม(ภาคกลาง) มะถือ(ภาคเหนือ) พิลา (ภาคอีสาน)
ทับทิมเป็นไม้พุ่ม มีถิ่นกำเนิดในทวีปอาเซียน มีขึ้นอยู่ทั่วๆไป เป็นพืชที่ชอบขึ้นในดินที่มีกรวดและทรายปนอยู่มีชนิดดอกแดง และดอกขาว ผลมีลักษณะค่อนข้างกลม ขนาดส้มเขียวหวาน เปลือกหนา ผลเมื่อแก่จะมีสีเหลืองปนน้ำตาล และมีสีแดงฉาบอยู่บางๆเป็นตอนๆ ซึ่งทำให้ผลมีสีสันที่สะดุดตาและเป็นมัน ผลเมื่อแก่เต็มที่จะแตกออกทำให้เมล็ดมีสีแดงเรื่อเป็นจำนวนมาก เนื้อที่หุ้มเมล็ดมีลักษณะโปร่งแสง มีรสเปรี้ยวอมหวาน เมล็ดในมีสีขาว
ประโยชน์ทางอาหาร
เนื้อที่หุ้มเมล็ด รับประทานเป็นผลไม้ ซึ่งอุดมด้วย วิตามินซี
ประโยชน์ทางยา
เปลือกผล รสฝาด แก้โรคท้องร่วง คุมธาตุ ชะล้างแผล
เปลือกลำต้นและรากสดๆ ใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืด(ใช้เปลือก 60 กรัม ต้มกับน้ำครึ่งลิตร ปนกระวาน หรือกานพลูพอควร เพื่อแต่งกลิ่น เคี่ยวให้งวดเหลือน้ำประมาณครึ่งหนึ่ง รับประทานครั้งละ 3 ซีซี โดยให้ผู้ที่จะถ่ายพยาธิอดอาหารเช้าก่อน แล้วรับประทานยาระบาย เช่น น้ำมันละหุ่งตาม
ใบ รสฝาด แก้บิดมูกเลือด แก้ท้องร่วง
ราก รสเมา ขับพยาธิไส้เดือน พยาธิตัวตืด พยาธิเส้นด้าย
ทับทิมทั้งห้า (ต้น ราก ผล (เปลือกของผล)ดอกและใบ) รสฝาดเมา ขับพยาธิไส้เดือน ตัวตืด เส้นด้าย แก้บิดมูกเลือด แก้ท้องร่วง รับประทานบ่อยๆ ทำให้สำใส้และกระเพาะระคายเคือง
11.ทุเรียน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Durio zibetinous Linn.วงศ์ Bambacaceae
ชื่อสามัญ Durian (อังกฤษ) ทุเรียน (ไทย)
ทุเรียนเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลาง ใบแข็งหนาและยาวใบสีเขียวแก่ ท้องใบเป็นสีน้ำตาล ดอกมีกลีบแข็งหนา ผลเป็นหนามแหลม เปลือกหนา เนื้อในผลสุกหนา หอม มีสีเหลืองอ่อนจนถึงเหลืองเข้ม (สีจำปา) กลิ่นหอมฉุน รสหวานมัน และมีสามรส คือ หวาน มันและขม ขึ้นเองตามป่าราบหรือปลูกเป็นสวน
เนื้อในผลทุเรียนมีธาตุกำมะถันอยู่ด้วย รับประทานมากๆทำให้เกิดความร้อนสะสมในร่างกาย
ใบ รสฝาด มีฤทธิ์ขับพยาธิ ทำให้หนองแห้ง
ผลดิบ รสฝาดหอม แก้จุกเสียดในท้อง แก้โรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน
เปลือกผลสุก รสฝาดหอมร้อน ปรุงเป็นยาแก้โรคน้ำเหลืองเสีย แก้เด็กเป็นหนอง ฝีแผลพุพอง แก้ตานทราง
เอาน้ำใส่ขังเปลือกของพู ใช้ล้างมือ จะบรรเทากลิ่นทุเรียนที่ติดตามมือและเล็บ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น